วันที่ 15 ตุลาคม 2553 เวลา 09.00 น.

เนื่องจากเหตุคดีนี้ ศาลจังหวัดสงขลา ได้มีการพิจารณาคดีของนายซานเยอ่าว (ไม่มีชื่อสกุล) สัญชาติพม่า โจทก์ที่ 1 กับพวกรวม 12 คน ซึ่งทนายความมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนฯได้ดำเนินการยื่นฟ้องบริษัทเจดีพี จำกัด (นายจ้าง) เป็นคดีแรงงานหมายเลขดำที่ 50-61/2553 เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องค่าจ้างและค่าเสียหายจากเหตุดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553

ผู้เสียหายชาวพม่าทั้งสิบสองถูกขบวนการนายหน้าจัดหาและนำพามาจากประเทศพม่าและบังคับ หลอกลวงให้ทำงานในเรือประมงของนายจ้าง และหรือเรือที่ทำกิจการร่วมกับนายจ้าง โดยผู้เสียหายทั้งสิบสองและเพื่อนแรงงานถูกกักขังและบังคับให้ทำงานในเรือ สภาพการทำงานบนเรือประมง ผู้เสียหายทั้งสิบสองและเพื่อนแรงงานถูกบังคับ ข่มขืนใจให้ต้องทำงานวันละ 19 ชั่วโมง และเมื่อกลับเข้าฝั่งจะถูกกักขังอยู่ในห้องพักบนแพปลาของนายจ้าง จนกว่าเรือจะออกทะเล ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 ผู้เสียหายทั้งสิบสองและเพื่อนแรงงานที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์รวม 51 คน ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและองค์กรพัฒนาเอกชน ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวปรากฏเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และขณะนี้คดีอาญาได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษตามมติคณะกรรมการประชุมคดีพิเศษ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๓ ซึ่งนับเป็นคดีค้ามนุษย์ที่เป็นคดีพิเศษคดีแรก

โดยศาลแรงงานได้กำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 15 ตุลาคม 2553 เวลา 09.00 น. ณ ศาลแรงงานภาค 9 จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีแรกของพื้นที่ภาคใต้ที่ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ได้ฟ้องเพื่อเรียกร้องสิทธิในค่าจ้างและค่าเสียหายจากการค้ามนุษย์และละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยถูกบังคับใช้แรงงานในเรือประมง อันเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมายแรงงาน กฎหมายแพ่ง และตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ในคดีอาญาซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง และไม่อาจยอมรับได้

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
นางสาววราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา โทร. 084-8091997
นางสาวอุบลวรรณ บุญรัตนสมัย ผู้ประสานงานโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา โทร. 081-1919327